วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551

การถ่ายทำ

ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ โนแลนไม่ได้ใช้ผู้ช่วยผู้กำกับเพื่อเก็บภาพในมุมมองที่สอดคล้องกันกับเขา[23] การถ่ายทำเริ่มต้นเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ที่ภูเขาน้ำแข็งวัตนาโจคุลในประเทศไอซ์แลนด์ เพื่อถ่ายทำฉากของประเทศภูฏาน[23] ที่นี่ ทีมงานต้องสร้างฉากหมู่บ้าน ถนนเดินเท้า และประตูหน้าของวัดของราส์ อัลกูล[23][24] อุปสรรคในการถ่ายทำฉากนี้อยู่ที่สภาพอากาศที่มีทั้งลมความเร็ว 121 กิโลเมตร/ชั่วโมง (75 ไมล์/ชั่วโมง)[23] ฝน และหิมะที่น้อยกว่าที่ต้องการ วิธีการถ่ายทำในฉากนี้ วัลลี พิฟ์สเตอร์ ได้ใช้เครนและกล้องมือถือในการถ่ายทำ[24]

ในการหาแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง ซูเปอร์แมน และภาพยนตร์ทำเงินเรื่องอื่น ๆ ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1970/ต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1980 โนแลนได้ตัดสินใจถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ในอังกฤษ โดยเฉพาะที่สตูดิโอเชปเพอร์ตัน เสียเป็นส่วนใหญ่[25] ฉากที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อถ่ายทำที่นี่คือฉากถ้ำค้างคาว ซึ่งมีความยาว 76 เมตร (250 ฟุต) กว้าง 37 เมตร (120 ฟุต) และสูง 12 เมตร (40 ฟุต) พร้อมด้วยเครื่องสูบน้ำ 12 เครื่องที่แนทาน โครวลีย์ ผู้ออกแบบงานสร้าง ติดตั้งเอาไปเพื่อใช้สร้างน้ำตก 12,000 แกลลอน และโขดหินที่หล่อมาจากถ้ำจริง ๆ[26] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2004 ทางวอร์เนอร์บราเธอร์สได้เช่าโรงเก็บเครื่องบินที่คาร์ดิงตัน เบดฟอร์ดไชร์ เพื่อที่จะใช้ถ่ายทำฉากรถไฟฟ้าในเดือนเมษายนปีเดียวกัน[27] ที่นี่ ทางกองถ่ายได้สร้างรางรถไฟรางเดี่ยวบนฉากยาว 270 เมตร (900 ฟุต)[26]

สำหรับฉากคฤหาสน์เวย์น ทางกองถ่ายได้เลือกหอคอยเมนต์มอร์ จากอีก 20 สถานที่ที่คัดเลือกไว้ ในการถ่ายทำ โดยโนแลนและโครวลีย์เปิดเผยว่าที่เลือกที่นี่เพราะชอบพื้นสีขาวของมัน ที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับบิดามารดาของบรูซ[28] ส่วนอาคารที่ถูกเลือกเป็นฉากสถานพักฟื้นอาร์กแฮมคืออาคารของสถาบันแห่งชาติเพื่อการวิจัยทางการแพทย์ ในมิลล์ฮิลล์ บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงลอนดอน อังกฤษ[29] และสถานีรถไฟเซนต์แพนครัสกับสถานีจ่ายน้ำแอบบีย์มิลล์สก็ถูกใช้เป็นฉากภายในอาคารของอาร์กแฮม[26] ส่วนฉากห้องพิจารณาคดีนั้น ทีมงานได้ใช้มหาวิทยาลัยลอนดอนเป็นสถานที่ในการถ่ายทำ[26] ในบางฉาก เช่นฉากขับรถไล่ล่า[23] ก็ถ่ายทำในเมืองชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นที่ถนนแวคเกอร์ไดรฟ์และอาคาร 35 อีสต์แวคเกอร์[30] นอกจากนั้น ทางการของชิคาโกยังอนุญาตให้ยกสะพานถนนแฟรงคลินเพื่อถ่ายทำฉากเส้นทางที่เข้าสู่เขตแออัดของเมืองกอตแทมด้วย[23]

แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความดำมืด แต่โนแลนก็ต้องการที่จะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถดึงดูดใจผู้ชมได้ ทุกรุ่นทุกวัย โดยเขาได้กล่าวว่า "ผมคิดว่าหนังของพวกเรามีเนื้อหาค่อนข้างเข้มข้นรุนแรงไปสำหรับเด็ก ๆ อยู่ไม่น้อย แต่ผมก็ไม่อยากที่จะกันเด็กอายุ 10-12 ปี ไม่ให้มาดูหนังเรื่องนี้ เพราะตอนผมเด็ก ผมก็รักที่จะดูหนังประเภทที่ผมทำเหมือนกัน" ด้วยเหตุนี้ โนแลนจึงตัดสินใจไม่ถ่ายทำฉากโชกเลือดใด ๆ เพื่อให้เหมาะสำหรับเยาวชน[12]

ไม่มีความคิดเห็น: